ไม่เพียงวงการดนตรีที่มีกระแส อูคูเลเล่ หรือ กีตาร์ฮาวาย ฟี เวอร์ เพราะคนแทบทุกวงการก็กำลังหลงใหลคลั่งไคล้เจ้ากีตาร์ขนาดย่อนี้กันยกใหญ่ หลังมีนักร้องดังหลายคนนำมาดีดประกอบเพลง และล่าสุดกับสาวเซอร์ นท พนายางกูร แห่งเวที เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 7 ที่หยิบเอา อูคูเลเล่ มาดีดโชว์อยู่บ่อยครั้ง ทำให้เจ้า อูคูเลเล่ ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
สำหรับใครที่อยากเล่น อูคูเลเล่ ก็ต้องซื้อหาจับจองมาเป็นเจ้าของ ซึ่งสนนราคาเริ่มต้นที่ 1,500 - 50,000 หรือสูงกว่านั้น ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ทำ อูคูเลเล่ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ราคา อูคูเลเล่ ปรับตัวสูงขึ้นมากตามความนิยม วันนี้เราจึงนำ วิธีการเลือกซื้ออูคูเลเล่ จาก คุณเมษาฮาวาย มาฝากกันค่ะ
1.
อูคูเลเล่ ที่ดี ต้องไม่ใช่สวยแค่รูป เสียงเป็นส่วนที่สำคัญกว่า
(เว้นเสียแต่ว่า จะซื้อมาตั้งโชว์เฉย ๆ) แต่ให้ดีที่สุดคือ
เสียงและรูปควรจะดีทั้งคู่ ลวดลายที่ฝังมุก ทำขอบคิ้วไม่ได้มีผลกับเสียง
ถ้าจะต้องจ่ายเพิ่มก็ควรคำนึงถึงจุดนี้ด้วย
แต่บางยี่ห้อก็ใส่เครื่องประดับเข้าไปเยอะจนทำให้เสียงทึบและหนักเข้าไปอีก
2.
ไม้ที่ใช้ทำมีส่วนสำคัญมาก ไม้แต่ละชนิดจะให้เสียงแตกต่างกันไป
ถ้าพอจะมีกำลังทรัพย์ ขอแนะนำให้ซื้อไม้ที่เป็นไม้แท้ทั้ง ตัว (solid)
จะดีกว่าไม้อัด (composite หรือ plywood) ยกตัวอย่าง ไม้ all solid
mahogany ก็จะทำจากมะฮอกกานีทั้งแผ่น ไม่ผสมอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น
แต่ถ้าเป็นไม้ composite อาจจะเป็นลักษณะที่่ว่า
นำไม้อัดมาทำแล้วใช้มะฮอกกานีแผ่นบาง ๆ แปะด้านหน้าเพื่อความสวยงาม
3.
ไม้ที่เป็น solid ยิ่งเล่น เสียงจะยิ่งดีขึ้นตามกาลเวลา
เก็บให้เก่าอย่างเดียวก็จะไม่ดีเท่าเก็บแล้วเล่น ต้องเล่นให้ไม้มันได้สั่น
ได้ดิ้นบ้าง
อูคูเลเล่ กีตาร์ฮาวาย
4.
เสียงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อผ่านไปประมาณ 1 ปี แล้วน้ำหนักจะเบาลง
เพราะไม้จะแห้ง สังเกตอูคูเลเล่รุ่นเก่า ๆ
จะเบากว่าตัวใหม่ที่เพิ่งออกมาจากโรงงาน
โดยส่วนตัวแล้วถ้าซื้อของมือสองแล้วเสียงมันดี
อาจดีกว่าซื้อมือหนึ่งแต่เสียงไม่ดี
(แล้วก็ไม่แน่ว่าอีกปีเสียงมันจะดีขึ้นมา)
5.
สังเกตบริเวณรอยต่อต่าง ๆ ควรจะต้องหนาแน่น จุดที่ควรระวังคือ บริเวณคอ
และบริเวณ bridge (ส่วนที่สายด้านล่างลงมาร้อย) ใช้ไปนาน ๆ บางทีคอเบี้ยว
คอคด ส่วนที่เป็น bridge ถ้ากาวไม่หนาแน่น มันอาจจะหลุดออกมาได้
เพราะแรงดึงของสาย (บางยี่ห้อ ยังไม่ทันจะไขให้สายตึงได้ทูน ไขไป bridge
ดังแก๊ก ๆ ๆ ๆ แล้ว) ถ้าซื้อของมือสองให้สังเกตุว่า
มีรอยกาวหรือรอยซ่อมบริเวณ คอ หรือ bridge หรือเปล่า ไม้ที่ผ่านการซ่อมแซม
มักจะมีรอยให้เห็น เช่นรอยเดิมกับรอยใหม่อาจจะไม่ทับกันพอดี
หรือมีกาวที่ล้นเกินออกมา อูคู่เลเล่ เก่า ๆ คุณภาพงานดีอย่างของ Martin
หรือ Kamaka อายุหกเจ็ดสิบปี ไม่เคยมีปัญหา
6.
วางอูคูเลเล่ ในแนวระนาบ แล้วเล็งดูว่าไม้มีการคดงอหรือไม่
แนบตาลงไปจนชิดกับส่วนท้ายของอูคูเลเล่ แล้วส่องไปที่ส่วนหัว
เราควรจะเห็นเฟรทบอร์ดเรียงตัวกันเป็นระเบียบ ถ้า อูคูเลเล่ คอเบี้ยว
จะมองออกว่าเฟร็ดไม่อยู่ในแนวระนาบ อูคูเลเล่ ใหม่ ๆ ไม่ค่อยมีปัญหานี้
(แต่ก็ไม่แน่) ส่วนมากอูคูเลเล่เก่า ๆ จะเป็นเนื่องจากเก็บไม่ถูกวิธี
7.
ลองขยับ ไข tuners ดูว่าหลวมหรือเปล่า ไขได้คล่องมั้ย ถ้าเป็น friction
tuners เราอาจจะต้องไขหมุดโลหะด้านบนสุดก่อน (แล้วมันจะแน่นขึ้น)
แต่ก็ไม่ควรไขจนหมุนไปไหนไม่ได้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสียหายกับไม้ได้
8.
ลูบ ๆ คลำ ๆ โดยเฉพาะส่วนที่เป็นขอบของเฟทบอร์ด ควรจะถูกตะไบให้เรียบร้อย
ไม่ให้มีส่วนแหลมคม คงไม่ดีแน่ถ้าเล่นแล้วเฟรทแทงฉึก เลือดพุ่ง
9. ลูบ ๆ คลำ ๆ (อีกแล้ว) ไปรอบ ๆ เพื่อดูว่าแล็คเกอร์ถูกทาสม่ำเสมอทั่วตัวหรือไม่ (เว้นรุ่นผิวด้าน อาจจะดูยากนิดนึง)
อูคูเลเล่ กีตาร์ฮาวาย
10.
สังเกตโดยรอบว่ามีรอยแตก รอยหัก รอยบิ่น รอยข่วนใด ๆ หรือไม่
ของมือหนึ่งไม่ควรจะเป็นรอย ของมือสองอาจจะมีรอยบ้าง ถ้าเป็นแค่รอยข่วน
(scratch) ที่ผิวแลกเกอร์ไม่ได้กินลึกเข้าไปในเนื้อไม้ ก็เป็นเรื่องปกติ
เพราะเกิดจากการผ่านการเล่น ผ่านการสตรัม แต่ถ้าเป็นรอยแตกของเนื้อไม้
(crack) ต้องระวังให้ดี เพราะเล่นไปนาน ๆ อาจจะแตกเพิ่มถ้าไม่ซ่อมแซม
แต่บางรอยแตกเป็นแบบแตกบาง ๆ (hairline crack) ก็ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม
ถ้ารอยแตกใหญ่ถึงขนาดที่ส่องอูคูเลเล่กับไฟแล้วเห็นทะลุลอดไปได้
ควรจะระวังเป็นพิเศษ แต่เชื่อหรือไม่ว่าอูคูเลเล่เก่า ๆ บางตัว
(เห็นมากับตา ฟังมากับหู) มีรูโหว่เบ้อเร่อ แตกบิ่นทั่วร่าง แต่เสียงโคตรดีอ้อ..อย่า ลืมส่องดูข้างใน sound hole เผื่อเจอแมงมุมทำรังอยู่ ระวังโดนกัด สังเกตดูพวก braces (กระดูกงู หรือเปล่า) ที่อยู่ตามขอบด้านใน ว่างานเรียบร้อยดี
11.
ดมดู (อย่าเพิ่งขำไป) ถ้าซื้อของเก่ามือสอง กลิ่นควรจะเก่า ๆ
ถ้ากลิ่นใหม่ให้พึงระวังว่า อาจจะผ่านการซ่อมแซมและทาแลกเกอร์ใหม่ทับ
12.
Intonation ควรจะถูกต้อง แต่ละเฟรทควรจะมีโน้ตที่ถูกต้อง ถ้ามีเครื่อง
digital tuner ก็ไช้ไล่ไปเลยทีละช่อง เทียบกับตารางโน้ต ที่เฟรท 12
เสียงควรจะกลับมาเป็น G C E A
13.
สตรัมเพลงโปรดสักเพลงสองเพลง แล้วลองฟังดู
อาจจะให้เพื่อนไปยืนอีกฟากหนึ่งของห้อง แล้วช่วยฟัง tone และ harmonic
เสียงควรจะกลมกล่อม ไม่ควรมีโน้ตใดโน้ตหนึ่งกระโดดดึ๋งออกมา
โดยไม่ได้รับเชิญ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเราฟัง เราเล่น แล้วเราชอบ
ก็ไม่ต้องไปสนใจใคร
หวังว่าวิธีการเลือกซื้อ อูคูเลเล่ ข้างต้น คงเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย...แล้วไว้พบกันใหม่นะ สาวก อูคูเลเล่ ทั้งหลาย^^ที่มา http://musicstation.kapook.com/view25754.html

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น