george harrison
จอร์จ แฮร์ริสัน (อังกฤษ: George Harrison)[1] MBE (25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1943 – 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 2001)[2] เป็นมือกีตาร์ชาวอังกฤษ นักร้อง-นักแต่งเพลง ผู้สร้างภาพยนตร์ เขาประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติจากการเป็นมือกีตาร์ลีดให้กับวงเดอะบีทเทิลส์ และยังมีชื่ออยู่อันดับ 21 ของการจัดอันดับในนิตยสารโรลลิงสโตนในหัวข้อ "100 นักกีตาร์ที่เยี่ยมที่สุดตลอดกาล"[3][4] มักถูกพูดถึงว่าเป็น "บีทเทิลที่เงียบขรึม" (the quiet Beatle)[3] แฮร์ริสันเชื่อเรื่องเวทมนตร์อินเดีย และยังทำให้ฐานคนฟังของเดอะบีทเทิลส์กว้างขึ้นเช่นเดียวกับกลุ่มผู้ฟังตะวันตก[5] หลังจากที่วงแตกไป เขาประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยวและต่อมาก็อยู่ในวง แทรเวลลิงวิลบูรีส์ และยังเป็นโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์และเพลงอีกด้วย
ถึงแม้ว่าเพลงโดยมากของเดอะบีทเทิลส์จะแต่งโดยเลนนอนและแม็กคาร์ตนีย์ แฮร์ริสันก็ยังแต่งเพลง 1 หรือ 2 เพลงต่ออัลบั้มตั้งแต่ชุด Help! เป็นต้นมา[6] ผลงานเขาที่ร่วมกับเดอะบีทเทิลส์เช่นเพลง "Here Comes the Sun", "Something", "I Me Mine" และ "While My Guitar Gently Weeps" หลังจากวงแตกไป แฮร์ริสันก็ยังเขียนเพลง ออกผลงานทริปเปิลอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จอย่าง All Things Must Pass ในปี 1970 ที่มี 2 ซิงเกิ้ลและ ดับเบิลเอ-ไซด์ซิงเกิล: "My Sweet Lord" กับ Isn't It a Pity" นอกจากนี้ในงานเดี่ยว แฮร์ริสันยังร่วมเขียนเพลงฮิต 2 เพลงให้กับริงโก สตารร์ อดีตสมาชิกวงเดอะบีทเทิลส์อีกคน และเพลงในวงแทรเวลลิงวิลบูรีส์ วงซูเปอร์กรุ๊ป ที่ฟอร์มวงในปี 1988 ร่วมกับบ็อบ ดีแลน, ทอม เพตตี, เจฟฟ์ ลีนน์ และรอย ออร์บิสัน
แฮร์ริสัน ได้รับวัฒนธรรมอินเดียและฮินดู ในช่วงทศวรรษ 1960 และช่วยให้ความรู้กับคนตะวันตกด้วยเพลงซิตาร์ และกลุ่มเคลื่อนไหวฮารี กฤษณา เขาร่วมกับระวี ชังการ์ จัดคอนเสิร์ตการกุศลในปี 1971 ที่ชื่อ Concert for Bangladesh และเขาถือเป็นคนเดียวในเดอะบีทเทิลส์ที่พิมพ์อัตชีวประวัติ ขึ้นที่ชื่อ I Me Mine ในปี 1980
นอกจากการเป็นนักดนตรี แล้ว เขายังเป็นโปรดิวเซอร์เพลง และร่วมก่อตั้งบริษัทผลิตภาพยนตร์ที่ชื่อ แฮนด์เมดฟิล์มส งานของเขาในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์ เขาร่วมงานกับผู้คนหลากหลายอย่าง มาดอนน่า และสมาชิกของกลุ่มมอนตี้ ไพธอน[7] ด้านชีวิตส่วนตัวเขาแต่งงาน 2 ครั้ง ครั้งแรกกับนางแบบ แพตตี บอยด์ ในปี 1966 และเลขาบริษัทค่ายเพลงที่ชื่อ โอลิเวีย ทรินิแดด อาเรียส ในปี 1978 ที่มีลูกชายด้วยกัน 1 คน ชื่อ ดานี แฮร์ริสัน เขายังเป็นเพื่อนสนิทกับอีริก แคลปตัน และอีริก ไอเดิล เขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในปอดเมื่อปี 2001
ถึงแม้ว่าเพลงโดยมากของเดอะบีทเทิลส์จะแต่งโดยเลนนอนและแม็กคาร์ตนีย์ แฮร์ริสันก็ยังแต่งเพลง 1 หรือ 2 เพลงต่ออัลบั้มตั้งแต่ชุด Help! เป็นต้นมา[6] ผลงานเขาที่ร่วมกับเดอะบีทเทิลส์เช่นเพลง "Here Comes the Sun", "Something", "I Me Mine" และ "While My Guitar Gently Weeps" หลังจากวงแตกไป แฮร์ริสันก็ยังเขียนเพลง ออกผลงานทริปเปิลอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จอย่าง All Things Must Pass ในปี 1970 ที่มี 2 ซิงเกิ้ลและ ดับเบิลเอ-ไซด์ซิงเกิล: "My Sweet Lord" กับ Isn't It a Pity" นอกจากนี้ในงานเดี่ยว แฮร์ริสันยังร่วมเขียนเพลงฮิต 2 เพลงให้กับริงโก สตารร์ อดีตสมาชิกวงเดอะบีทเทิลส์อีกคน และเพลงในวงแทรเวลลิงวิลบูรีส์ วงซูเปอร์กรุ๊ป ที่ฟอร์มวงในปี 1988 ร่วมกับบ็อบ ดีแลน, ทอม เพตตี, เจฟฟ์ ลีนน์ และรอย ออร์บิสัน
แฮร์ริสัน ได้รับวัฒนธรรมอินเดียและฮินดู ในช่วงทศวรรษ 1960 และช่วยให้ความรู้กับคนตะวันตกด้วยเพลงซิตาร์ และกลุ่มเคลื่อนไหวฮารี กฤษณา เขาร่วมกับระวี ชังการ์ จัดคอนเสิร์ตการกุศลในปี 1971 ที่ชื่อ Concert for Bangladesh และเขาถือเป็นคนเดียวในเดอะบีทเทิลส์ที่พิมพ์อัตชีวประวัติ ขึ้นที่ชื่อ I Me Mine ในปี 1980
นอกจากการเป็นนักดนตรี แล้ว เขายังเป็นโปรดิวเซอร์เพลง และร่วมก่อตั้งบริษัทผลิตภาพยนตร์ที่ชื่อ แฮนด์เมดฟิล์มส งานของเขาในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์ เขาร่วมงานกับผู้คนหลากหลายอย่าง มาดอนน่า และสมาชิกของกลุ่มมอนตี้ ไพธอน[7] ด้านชีวิตส่วนตัวเขาแต่งงาน 2 ครั้ง ครั้งแรกกับนางแบบ แพตตี บอยด์ ในปี 1966 และเลขาบริษัทค่ายเพลงที่ชื่อ โอลิเวีย ทรินิแดด อาเรียส ในปี 1978 ที่มีลูกชายด้วยกัน 1 คน ชื่อ ดานี แฮร์ริสัน เขายังเป็นเพื่อนสนิทกับอีริก แคลปตัน และอีริก ไอเดิล เขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในปอดเมื่อปี 2001
Jonh lennon
จอห์น วินสตัน โอโนะ เลนนอน (อังกฤษ: John Winston Ono Lennon) (9 ตุลาคม พ.ศ. 2483-8 ธันวาคม พ.ศ. 2523) เป็นทั้งนักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรีชาวอังกฤษ รู้จักกันดีในนามจอห์น เลนนอน แห่งวงเดอะบีทเทิลส์ โดยตั้งวงกับ พอล แม็คคาร์ตนีย์ จอร์จ แฮร์ริสัน และ ริงโก สตารร์ เนื้อเพลงของเลนนอนจะมีลักษณะที่เต็มไปด้วยความหวัง สันติภาพ และความเจ็บปวด ซึ่งแสดงถึงลักษณะสังคมในช่วงนั้น และในช่วงหนึ่งเลนนอนได้ถูกจัดเข้ากับกลุ่มนักปฏิวัติเพื่อความสงบสุข
เลนอนเกิดที่เมืองลิเวอร์พูล ในปี พ.ศ. 2483 ได้แต่งงานครั้งแรกกับ ซินเทีย โพวเวลล์ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2505 โดยมีบุตรชายคนแรกชื่อ จอห์น ชาร์ลส จูเลียน เลนนอน (John Charles Julian Lennon) และแต่งงานครั้งที่สองกับนักร้องชาวญี่ปุ่น โยโกะ โอโน่(Yoko Ono) เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2512 โดยมีลูกชายชื่อ ฌอน เลนนอนหรือ ฌอน ทาโร โอโน่ เลนนอน (Sean Taro Ono Lennon)
สมัยเด็กๆ จอห์นชอบวาดภาพผู้ที่พิการทุพพลภาพ และครูคิดว่าเขาน่าจะสอบเข้าไปเรียนในวิทยาลัยศิลปะได้ และเขาก็สอบได้ และที่วิทยาลัยแห่งนี้เองที่เขาได้พบกับซินเธีย โพเวลล์ ผู้หญิงซึ่งต่อมาได้กลายเป็นภรรยาคนแรกของจอห์น
เมื่อตอนที่จอห์นอายุ 16 ปี ได้ตั้งวงดนตรีชื่อควอร์รี่ แมน (Quarry Man) และเปิดการแสดงกันในโรงเรียน จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ได้รู้จักกับ พอล แมกคาร์ตนีย์ ณ จุดนี้เอง จอห์นและพอลก็ได้มาร่วมงานกัน พร้อมกับจอร์จ แฮริสัน เป็นที่มาของวงดนตรี “เดอะ บีทเทิลส์” หรือ 4 เต่าทอง
การแสดงของวงเข้าตา ไบรอัน เอพสเตน ซึ่งต่อมาเป็นผู้จัดการวง ซิงเกิ้ลแรกของพวกเขาชื่อว่า Love me Do ซึ่งได้ จอร์จ มาร์ติน เป็นโปรดิวเซอร์ เพียงแค่วันที่สองของการออกซิงเกิ้ลนี้มันก็สามารถขึ้นชาร์ทที่อันดับ 17
จอห์นแต่งงานกับซินเธีย โพเวลล์ ในปี 1962 มีลูกชายด้วยกัน 1 คน คือจูเลียน แต่ที่สุดก็หย่าขาดจากกัน เมื่อจอห์นพบรักใหม่กับ โยโกะ โอโนะ ที่เดอะ อินดิก้า แกลเลอรี่ ปี 1966 จากนั้นในปี 1970 สี่เต่าทองก็วงแตก
จอห์นยังคงทำงานดนตรีด้วยการออกผลงานเดี่ยว อัลบั้ม Imagine ตามด้วย Mind Games, Rock and Roll และ Walls and Bridge แต่ชีวิตส่วนตัวย่ำแย่ จอห์น และ โยโกะ แยกทางกันเป็นเวลา 14 เดือน เพราะการกดดันของสาธารณชน แต่หลังจากนั้นทั้งสองก็กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
ในปี 1975 โยโกะก็ได้ให้กำเนิดบุตรชายแก่เขาอีกคนชื่อ “ฌอน” จอห์นทิ้งอาชีพนักดนตรีไป 5 ปี เพื่อทำตัวเป็นพ่อบ้านที่ดี คอยเลี้ยงดูลูกชายคนนี้ หลังจาก 5 ปีผ่านไปเขาก็หวนนึกถึงอาชีพนักดนตรีและเขาแต่งเพลงอีกครั้ง เขาเขียนงานเพลง Double Fantasy และบันทึกในปีเดียวกันคือปี 1980
แต่โชคร้ายก็มาเยือนในวันที่ 8 ธันวาคม 1980 ช่วงบ่ายขณะที่จอห์น เลนนอน อยู่ในสตูดิโอเพื่อกำลังเตรียมตัวอัดเพลงใหม่ ก็มีชายคนนึ่งชื่อว่า Mark Chapman (มาร์ค แชปแมน) ถือกระดาษกับปากกายืนให้จอห์น เลนนอน แล้วพูดว่า"ฉันจะมีลายเซ็นของคุณเป็นที่ระลึกได้ไหม?"จอห์นจึงเซ็นลายเซ็น ของเขาให้แล้วก็ไป ทำงานต่อ
คืนนั้นจอห์นกับโยโกะก็มาอยู่ที่หน้าอพาร์ตเมนต์ของเขา เขาก็พบmark chapmanคนที่มาขอลายเซ็นเขานั้นเองแต่คราวนี้ในมือเขาไม่ใช่ปากกากับกระดาษ แต่เป็นปืน
มาร์คพูดว่า "คุณเลนนอน!!" แล้วเขาก็ยิงจอห์นไปห้านัด จอห์นเสียชีวิตทันทีด้วยวัย 40 ปี 3 นาทีต่อมา ตำรวจมาถึงอพาร์ตเมนต์ มาร์คยังอยู่ตรงนั้นเขาพูดกับตำรวจว่า"ฉันนี้แหละที่ยิงจอห์น เลนนอน"
เลนอนเกิดที่เมืองลิเวอร์พูล ในปี พ.ศ. 2483 ได้แต่งงานครั้งแรกกับ ซินเทีย โพวเวลล์ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2505 โดยมีบุตรชายคนแรกชื่อ จอห์น ชาร์ลส จูเลียน เลนนอน (John Charles Julian Lennon) และแต่งงานครั้งที่สองกับนักร้องชาวญี่ปุ่น โยโกะ โอโน่(Yoko Ono) เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2512 โดยมีลูกชายชื่อ ฌอน เลนนอนหรือ ฌอน ทาโร โอโน่ เลนนอน (Sean Taro Ono Lennon)
สมัยเด็กๆ จอห์นชอบวาดภาพผู้ที่พิการทุพพลภาพ และครูคิดว่าเขาน่าจะสอบเข้าไปเรียนในวิทยาลัยศิลปะได้ และเขาก็สอบได้ และที่วิทยาลัยแห่งนี้เองที่เขาได้พบกับซินเธีย โพเวลล์ ผู้หญิงซึ่งต่อมาได้กลายเป็นภรรยาคนแรกของจอห์น
เมื่อตอนที่จอห์นอายุ 16 ปี ได้ตั้งวงดนตรีชื่อควอร์รี่ แมน (Quarry Man) และเปิดการแสดงกันในโรงเรียน จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ได้รู้จักกับ พอล แมกคาร์ตนีย์ ณ จุดนี้เอง จอห์นและพอลก็ได้มาร่วมงานกัน พร้อมกับจอร์จ แฮริสัน เป็นที่มาของวงดนตรี “เดอะ บีทเทิลส์” หรือ 4 เต่าทอง
การแสดงของวงเข้าตา ไบรอัน เอพสเตน ซึ่งต่อมาเป็นผู้จัดการวง ซิงเกิ้ลแรกของพวกเขาชื่อว่า Love me Do ซึ่งได้ จอร์จ มาร์ติน เป็นโปรดิวเซอร์ เพียงแค่วันที่สองของการออกซิงเกิ้ลนี้มันก็สามารถขึ้นชาร์ทที่อันดับ 17
จอห์นแต่งงานกับซินเธีย โพเวลล์ ในปี 1962 มีลูกชายด้วยกัน 1 คน คือจูเลียน แต่ที่สุดก็หย่าขาดจากกัน เมื่อจอห์นพบรักใหม่กับ โยโกะ โอโนะ ที่เดอะ อินดิก้า แกลเลอรี่ ปี 1966 จากนั้นในปี 1970 สี่เต่าทองก็วงแตก
จอห์นยังคงทำงานดนตรีด้วยการออกผลงานเดี่ยว อัลบั้ม Imagine ตามด้วย Mind Games, Rock and Roll และ Walls and Bridge แต่ชีวิตส่วนตัวย่ำแย่ จอห์น และ โยโกะ แยกทางกันเป็นเวลา 14 เดือน เพราะการกดดันของสาธารณชน แต่หลังจากนั้นทั้งสองก็กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
ในปี 1975 โยโกะก็ได้ให้กำเนิดบุตรชายแก่เขาอีกคนชื่อ “ฌอน” จอห์นทิ้งอาชีพนักดนตรีไป 5 ปี เพื่อทำตัวเป็นพ่อบ้านที่ดี คอยเลี้ยงดูลูกชายคนนี้ หลังจาก 5 ปีผ่านไปเขาก็หวนนึกถึงอาชีพนักดนตรีและเขาแต่งเพลงอีกครั้ง เขาเขียนงานเพลง Double Fantasy และบันทึกในปีเดียวกันคือปี 1980
แต่โชคร้ายก็มาเยือนในวันที่ 8 ธันวาคม 1980 ช่วงบ่ายขณะที่จอห์น เลนนอน อยู่ในสตูดิโอเพื่อกำลังเตรียมตัวอัดเพลงใหม่ ก็มีชายคนนึ่งชื่อว่า Mark Chapman (มาร์ค แชปแมน) ถือกระดาษกับปากกายืนให้จอห์น เลนนอน แล้วพูดว่า"ฉันจะมีลายเซ็นของคุณเป็นที่ระลึกได้ไหม?"จอห์นจึงเซ็นลายเซ็น ของเขาให้แล้วก็ไป ทำงานต่อ
คืนนั้นจอห์นกับโยโกะก็มาอยู่ที่หน้าอพาร์ตเมนต์ของเขา เขาก็พบmark chapmanคนที่มาขอลายเซ็นเขานั้นเองแต่คราวนี้ในมือเขาไม่ใช่ปากกากับกระดาษ แต่เป็นปืน
มาร์คพูดว่า "คุณเลนนอน!!" แล้วเขาก็ยิงจอห์นไปห้านัด จอห์นเสียชีวิตทันทีด้วยวัย 40 ปี 3 นาทีต่อมา ตำรวจมาถึงอพาร์ตเมนต์ มาร์คยังอยู่ตรงนั้นเขาพูดกับตำรวจว่า"ฉันนี้แหละที่ยิงจอห์น เลนนอน"
Paul mccartney
เซอร์ เจมส์ พอล แม็กคาร์ตนีย์ (อังกฤษ: Sir James Paul McCartney) เกิดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 1942
เป็นนักร้องเพลงร็อกชาวอังกฤษ มือกีตาร์เบส นักประพันธ์เพลง
โปรดิวเซอร์เพลง ผู้สร้างภาพยนตร์ นักลงทุน นักกิจกรรมต่อสู้ด้านสิทธิสัตว์
นักมังสวิรัติ เขามีชื่อเสียงอย่างมากในการเป็นสมาชิกวงเดอะบีทเทิลส์ ร่วมกับ จอห์น เลนนอน ,จอร์จ แฮร์ริสัน และ ริงโก สตาร์
เขาเกิดในครอบครัวชนชั้นแรงงานที่เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ บิดาเป็นนักทรัมเป็ตและเปียโนในวงแจ๊สซึ่งสนับสนุนการเล่นดนตรีมาแต่เล็ก โดยเล่นทูบา เป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรกต่อมาเปลี่ยนเป็นทรัมเป็ต ต่อมาในยุคความนิยมดนตรีสกิฟเฟิล (Skiffle) พอลจึงหันมาเล่นกีตาร์ จนในยุคที่ร็อกแอนด์โรลโด่งดัง เพื่อนของเขา จอห์น เลนนอนจึงชวนมาตั้งวงที่ชื่อ "แควร์รี่ เมน" (Quarry Men) ต่อมาเปลี่ยนเป็นชื่อ เดอะบีทเทิลส์ จนโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งเขาและจอห์นก็ร่วมแต่งเพลงฮิตมากมายหลายเพลง เช่น Lady Madonna, Here Today, Wanderlust , Yesterday จนในปี 1970 วงเดอะบีทเทิลส์ก็แตกวงไป พอแยกมาทำอัลบั้มร่วมกับภรรยา ลินดา แม็กคาร์ตนีย์ ในชื่อ "วิงส์" (Wings)
พอลได้รับการจดบันทึกในกินเนสบุ๊กว่า เป็นนักดนตรีและนักแต่งเพลงที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรีป๊อป เขาได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำ 60 ครั้ง ขายได้กว่า 100 ล้านซิงเกิล และเพลง Yesterday ที่เขาร่วมแต่งกับจอห์นก็เป็นเพลงที่ถูกนำมาคัฟเวอร์มากที่สุดในโลก ถูกแพร่ภาพและเสียงในอเมริกากว่าเจ็ดล้านครั้ง
เขาได้รับตำแหน่ง "เซอร์" จากสมเด็จพระราชินีอังกฤษเมื่อปี 11 มีนาคม ค.ศ. 1997
เขาเกิดในครอบครัวชนชั้นแรงงานที่เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ บิดาเป็นนักทรัมเป็ตและเปียโนในวงแจ๊สซึ่งสนับสนุนการเล่นดนตรีมาแต่เล็ก โดยเล่นทูบา เป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรกต่อมาเปลี่ยนเป็นทรัมเป็ต ต่อมาในยุคความนิยมดนตรีสกิฟเฟิล (Skiffle) พอลจึงหันมาเล่นกีตาร์ จนในยุคที่ร็อกแอนด์โรลโด่งดัง เพื่อนของเขา จอห์น เลนนอนจึงชวนมาตั้งวงที่ชื่อ "แควร์รี่ เมน" (Quarry Men) ต่อมาเปลี่ยนเป็นชื่อ เดอะบีทเทิลส์ จนโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งเขาและจอห์นก็ร่วมแต่งเพลงฮิตมากมายหลายเพลง เช่น Lady Madonna, Here Today, Wanderlust , Yesterday จนในปี 1970 วงเดอะบีทเทิลส์ก็แตกวงไป พอแยกมาทำอัลบั้มร่วมกับภรรยา ลินดา แม็กคาร์ตนีย์ ในชื่อ "วิงส์" (Wings)
พอลได้รับการจดบันทึกในกินเนสบุ๊กว่า เป็นนักดนตรีและนักแต่งเพลงที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรีป๊อป เขาได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำ 60 ครั้ง ขายได้กว่า 100 ล้านซิงเกิล และเพลง Yesterday ที่เขาร่วมแต่งกับจอห์นก็เป็นเพลงที่ถูกนำมาคัฟเวอร์มากที่สุดในโลก ถูกแพร่ภาพและเสียงในอเมริกากว่าเจ็ดล้านครั้ง
เขาได้รับตำแหน่ง "เซอร์" จากสมเด็จพระราชินีอังกฤษเมื่อปี 11 มีนาคม ค.ศ. 1997
Ringo starr
ริชาร์ด สตาร์คีย์ (อังกฤษ: Richard Starkey) MBE เกิดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1940 หรือมีชื่อที่เป็นที่รู้จักคือ ริงโก สตาร์ (อังกฤษ: Ringo Starr) เป็นนักดนตรี นักร้อง-นักแต่งเพลง และนักแสดงชาวอังกฤษ เป็นที่รู้จักที่สุดในฐานะมือกลองวงเดอะบีทเทิลส์ สตาร์เป็นคนสุดท้ายที่เข้ามาร่วมวงเดอะบีทเทิลส์ แทนที่ พีต เบสต์ เขาเป็นสมาชิกที่แก่ที่สุดอันดับสองของวง ถัดจากสจ๊วต ซัตคลิฟฟ์
สตาร์เป็นมือกลองใหักับวงเดอะบีทเทิลส์ แต่ก็ประสบความสำเร็จในการเป็นนักแต่งเพลงให้กับวง อย่างเช่น "Don't Pass Me By" และ "Octopus's Garden" และยังได้ร้องนำในเพลงอย่างเช่น "Yellow Submarine", "With a Little Help from My Friends", "What Goes On", "I Wanna Be Your Man", "Boys", "Act Naturally", "Honey Don't", and "Good Night" รวมถึงประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยว กับเพลงดังอย่าง "It Don't Come Easy", "Photograph" และ "You're Sixteen" นอกจากนี้สตาร์ยังร่วมแสดงในรายการ Thomas and Friends ระหว่างปี 1984 -1986
สตาร์เป็นมือกลองใหักับวงเดอะบีทเทิลส์ แต่ก็ประสบความสำเร็จในการเป็นนักแต่งเพลงให้กับวง อย่างเช่น "Don't Pass Me By" และ "Octopus's Garden" และยังได้ร้องนำในเพลงอย่างเช่น "Yellow Submarine", "With a Little Help from My Friends", "What Goes On", "I Wanna Be Your Man", "Boys", "Act Naturally", "Honey Don't", and "Good Night" รวมถึงประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยว กับเพลงดังอย่าง "It Don't Come Easy", "Photograph" และ "You're Sixteen" นอกจากนี้สตาร์ยังร่วมแสดงในรายการ Thomas and Friends ระหว่างปี 1984 -1986
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น